Saturday, February 22, 2014

Recommend 5: วาติกัน มิวเซียม ที่ยิ่งใหญ่


       วาติกันมิวเซียมเป็นอีกที่หนึ่งนะค่ะที่มีความใหญ่โตมากๆ แต่ว่าความรู้สึกของแต่ละพิพิธภัณฑ์นั้นให้ความรู้สึกที่ไม่เหมือนกันเลยจริง ที่นี่นั้นมีโซนที่แตกต่างกันมากมายเลย ส่วนใหญ่ที่นี่จะมีรูปปั่นเยอะซะส่วนใหญ่

ห้องโชว์รูปปั่นต่างๆ

รูปปั่นที่เกี่ยวกับทางศาสนา




ห้องพักสบายอารมทำให้รู้สึกเหมือนอยู่ท่ามกลางต้นไม้มากมาย


สิ่งประดิษฐ์ศิลป์

ภาพบรรยากาศขณะเดินชมรอบๆวาติกันมิวเซียม



ห้องโถงที่เหมือนจะลองการประชุมของเหล่าเทพทั้งหลาย


ห้องที่เราเรื่องผ่านทางภาพบนเพดานและพนังห้องและจะมีคำอธิบายภาพต่างๆตรงบอร์ด


          จริงๆความใหญ่โตนั้นมีมากกว่านี้ แต่ว่าไม่มีภาพมาให้ชมกันแต่ก็อย่างที่บอกหนะที่พิพิธภัณฑ์นี้เน้นการจัดโชว์ของเก่าเป็นส่วนใหญ่

Thursday, February 20, 2014

Lecture 5: ICT and Physical Computing in Museum, lesson learned from Museum Siam and IT Musuem

ICT 
ย่อมาจาก Information Communication Technology เป็นการติดต่อสื่อสารกันโดยใช้เทคโนโลยี

Physical computing
การทำให้อุปกรณ์ที่เป็น ฮาร์ดแวร์ เอามาเขียนด้วย ซอฟแวร์ให้ทำงานได้

Tangible-intangible
จับต้องได้-จับต้องไม่ได้

Cognitive(การรับรุ้)
การออกแบบโดยอ้างอิงถึง UDL (กระบวนการเรียนรู้)

Neuro sciences
การพัฒนาหุ่นยนต์ Google ก็เป็นอีกผู้หนึ่งที่ให้ความสำคัญเกี่ยวกับหุ่นยนต์ ใครจะรู้ซักวันหนึ่งอาจจะมีการพัฒนาให้มีการหาคู่จากหุ่นยนต์ก็เป็นได้

Tri angle
            รูปข้างต้นนี้ใช้สำหรับ บอกว่าเทคโนโลยีได้เข้ามาเกี่ยวข้องกับการแนะนำพิพิธพันธ์เรียบร้อยแล้ว อาจจะเป็นพวก หุฟัง วิดีโอ หรือแม้แต่ Google map ที่สามารถมองเห็น ได้360 องศา และนำพวก augment reality, virtual reality เข้ามาช่วยในการนำเสนอก็เป็นได้ ที่เรามีสิ่งพวกนี้เพราะเราต้องการสอนเรื่องที่มันเข้าใจยากให้เข้าใจได้ง่ายเพื่อจะได้เข้าใจถึงที่มาของสื่งเหล่านั้นได้ง่ายขึ้น หรือแม้จะไม่ได้มาดูนิทรรศการได้ด้วยตัวเองก็สามารถเข้าชมจาก online website อาจจะเป็นคลิปวิดีโอก็เป็นได้
ตัวอย่าง 

การเรียนรู้มีสองแบบด้วยกันคือ Formal/Informal ดังนี้
Formal : Activity นั้งเรียนในห้อง Affiliation: เรียนกับกลุ่มเพื่อน
Informal: Activity ไปเรียนนอกสถานที่ Affiliation: หาผู้มีประสบการณ์หรือผู้มีความรู้มาสอน

Lifelong learning
          การเรียนรู้ทั้งชีวิต การเรียนรู้ไม่จำเป็นว่าจะต้องจบลงที่ห้องเรียนเสมอไปแต่เราสามารถศึกษาหาความรู้ได้ทั้งชีวิต เช่น การอ่านหนังสือ การท่องเที่ยว หาข้อมูลที่เราไม่รู้เรื่องผ่านทาง google หรือแม้แต่ถามผู้รู้ ดูหนัง โดยที่การกระทำเหล่านี้คือการทำโดยไม่มีใครบังคับ เป็นการทำโดยการสมัครใจที่จะเรียนเองไม่ว่าเหตุผลนั้นจะมาจาก การที่เราสนใจ จากประสพการณ์ หรือจากสิ่งแวดล้อมของบริษัท หรือจากสิ่งที่มีอยู่ไปทั่ว ทั้งชีวิต

Learning in museum
การเรียนรู้ใน พิพิธภัณฑ์มีวิธีการนำเสนอที่แตกต่างอยู่ที่ว่าเราจะนำเสนออกมาในรูปแบบไหน

Design museum
จะต้องเข้าใจว่ามันคือพิพิธภัณฑ์เกี่ยวกับอะไรก่อน เพราะพิพิธภัณฑ์แต่ละที่มันต่างกัน

Role of the object
เอาสิ่งสำคัญแสดงมันออกมา เอาออกมาอธิบาย ว่ามันคืออะไรจุดสำคัญ และสิ่งเหล่านี้หละมันคือ ความรู้

Relationship museum edurator and learner

          คนนำชมพิพิธภัณฑ์กับผู้ชมก็มีความสัมพันธ์กัน ผู้นำจะต้องมีวิธีการนำเสนอให้เหมาะสมกันอายุ และเพศ ของแต่ละผู้เข้าชม โรงเรียน คือการเรียนรู้คือที่เรียนแต่พิพิธภัณฑ์จะโชว์ถึงอดีตหรือเอาเทคโนโลยีและการเรียนรู้มานำเสนอขณะเดียวกันโรงเรียนจะ Add on curriculum

Learning opportunity
          Dialogue ก็เป็นหนึ่งตัวอย่างที่ดีในการทำพิพิธภัณฑ์ โดยพิพิธภัณฑ์ดังกล่าวไม่ใช่การตอบโต้แบบคุยคนเดียวแต่เป็นการนำเสนอโดยการตอบโต้ในวงกว้างคือการตอบโต้กับหลายๆคนได้ในทีเดียว เป็น interactive ดังนั้นพิพิธภัณฑ์ส่วนใหญ่จะมีหลายพาสให้คนเลือกเดินโดยจะไม่ได้บังคับผู้เข้าชมให้เดินตามทางแต่จtให้เลือกเดินเองได้

Museum of the future
          เราคาดว่าเกิดจากการที่เรา Exporloration and discover ทำให้มีแรงกระตุ้นในการอยากที่จะทำหรือเรียนรู้สิ่งๆนั้นและสร้างเพื่อนำเสนอมันออกมาให้คนได้ชมกัน

         "การที่เราจะทำให้มิวเซียมมีความน่าสนใจได้นั้นเราจะต้องมีจุดเด่นซึ่งจุดเด่นนั้นมันเกิดมาจากของแปลกใหม่ซึ่งไม่ได้หาชมหรือเล่นได้ในชีวิตประจำวันทั่วๆไป  ICT and Physical Computing in Museum ก็เป็นอีกแนวทางหนึ่งซึ่งจะเป็นการติดต่อสื่อสารของคนกับ อุปกรณ์อิเล็กทรอนิค ซึ่งเป็นสิ่งที่นิยมด้วยเช่นกันในปัจจุบัน แต่การจะเลือกใช้กับสิ่งไหนนั้นก็สำคัญด้วยเช่นกัน เช่น เราไปเลือกใช้การโต้ตอบสื่อสารดังกล่าวกับพิพิธภัณฑ์ของคนหูหนวก หรือตาบอด มันก็เป็นไปได้ ดังนั้นไม่ว่าเราจะทำอะไรเราก็ต้องดูความเหมาะสม"


Monday, February 17, 2014

Recommend 4: หอเอนปิซ่าและจุดนิทรรศการ


          เมื่อซื้อบัตรเข้าชมหอเอนปิซ่าและตึกรอบๆที่เขาจัดแสดงให้ดูแล้วพวกเราก็มาเริ่มกันที่ที่แรกกันเลย ที่แรกนั้นจะเป็นการเล่าประวัติย้อนหลังของที่มาของหอเอนปิซ่า และนำเครื่องแต่งกายสมันก่อนมาจัดโชว์ให้พวกเราได้ชมกัน และยังมีภาพวาดตามผนังเก่าๆที่ยังคงเหลืออยู่มาโชว์ให้ผู้เข้าชมได้ดู



         ตรงสุดทางเดินของภาพทางข้างล่างเพื่อนๆเห็นไหมว่ามีคนสองคนยืนอยู่ที่สวใเสื้อสีขวาและดำ ขอโทษที่ภาพไม่ชัดเท่าไร่นักเพราะว่าตรงจุดนั้นจะมีจอทีวีและ หูฟังให้กับผู้มาเดิมชมนิทรรศการสามารถฟังเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่แห่งนี้ได้

   
             เช๋น เดียวกันหากลองมองภาพทางด้านล่างมองลึกเข้าไปทางด้านซ้ายมือ คุณจะเห็นจอโปรเจ็คเตอร์อันใหญ่ซึ่งจะเราเรื่องราวของภาพบนผนังที่มีการจัดแสดงอยู่ที่นี่


          ส่วนนี่คือภาพผนังที่ได้กล่าวไปในตอนต้น


        ในตำแหน่งต่างๆก็จะมีการจัดแสดงเครื่องแต่งกายให้เราได้ดูเป็นตัวอย่างอีกด้วย



       ภาพบรรยากาศหอเอนปิซ่าจ้า


Thursday, February 13, 2014

Lecture 4: Museum Development Process ep2


          Museum Siam, TCDC และ TK Park (Central World) ใช้รูปแบบ NDMI เป็นรูปแบบในการจัด Museum โดยรูปแบบ NDMI มีลักษณะดังนี้

- Museum Siam




- TCDC

- TK PARK



Museum Exhibition Design 
มีอยู่ 2 แบบ คือ Object Content คล้าย พิพิธภัณฑ์ บ้านเชียง, Motor Show


                          Information Content คล้าย สสส., Motor Show แต่บางส่วนบอกรายละเอียดเช่น การบอกรายละเอียดของเครื่องยนต์ เราจะถือว่าเป็น Information Display


กระบวนการพัฒนานิทรรศการ

รวบรวมแนวคิดในการออกแบบและวิเคราะห์-> 
Conceptual Design Phase
1. Product-Oriented Activities ระดมความคิดหาแนวทางที่จะนำเสนอชิ้นงาน
2. Management Activities คือ ขึ้นตอนการจัดการกับทรัพยากรที่มีให้สามารถทำงานนั้นๆได้หรือไม่
3. Results การเผยแพร่และแสดงงานให้ผู้คนได้รู้จัก และได้เรียนรู้ในเนื้อหาของนิทรรศการที่จัดขึ้น มีตารางงานการจัดแสดง และบอกได้ว่าเรามีอะไรที่จะสามารถนำมาโชว์บ้าง

วางแผนการทำงาน->
 
Development Phase
Product-Oriented Activities การคิดเป้าหมาย, รูปแบบการนำเสนอเรื่องราว, การออกแบบพิพิธภัณฑ์, การสร้างส่วนการเรียนรู้, และแนวทางการโปรโมท






ดำเนินแผนการผลิตและแผนก่อสร้าง-> 
Content Development
1. Theme overview
2. Literature review คือ การหาเนื้อหา ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ และ การออกสำรวจความคิดเห็น
3. Content Analysis การรวบรวมความรู้ และ รายงานการวิจัย
4. Content Systhesis คือ การเขียน Story-line
5. Support and consulting คือ การออกแบบเป็นทีม

ดำเนินแผนบริหารจัดการ -> 
Developmental Phase
1. Management Activities เช่น การจัดการเรื่องงบประมาณ สถานที่ และปริมาณงานเป็นต้น
2. Results
        Exhibition Plan ได้แก่ พวกเนื้อหา concept พื้นที่ ค่าใช้จ่าย เป็นต้น
        Education Plan ได้แก่ รายละเอียดเนื้อหาที่จะต้องสื่อและทำให้ผู้เข้าชมเข้าใจ
        Promotion Plan ได้แก่ การทำ PR ให้คนทั่วไปรู้จัก

เปิดให้บริการและประเมินผล -> 
Functional Phase
1. Product-Oriented Activities เปิดพิพิธภัณฑ์ให้คนเข้าชม เก็บผลสำรวจการใช้งาน การบำรุงรักษา และ ความปลอดภัยของชิ้นงานเป็นต้น
2. Management Activities การมีส่วนร่วมของ Account ผู้ใช้งานและผู้ดูแลระบบ
3. Results ประสพความสำเร็จตรงตามเป้าหมายที่พิพิธภัณฑ์ต้องการสื่อให้คนเข้าใจและไม่เกิดความเสียหายของชิ้นงานที่นำเสนอหรือมีการป้องกันไว้แล้ว 

Terminating Stage
1. Product-oriented activities การลื้อถอนชิ้นงาน และส่งคืนจัดทำเอกสารแสดงรายงาน
2. Management activities จัดทำบัญชีการใช้จ่าย
3. Results Exhibition จบและส่งของคืนเรียบร้อย จัดการทำความสะอาดสถานที่และซ่อมแซมส่วนที่ชำรุด

Assessment Phase
1. Product-oriented activities การประเมินผลในส่วนต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตัวชิ้นงานที่นำเสนอหรือกระบวนการทำงาน
2. Management activities จัดทำแบบประเมินผล
3. Results ได้ผลของการประเมินและนำมาพัฒนาในชิ้นงานต่อๆไป

Tuesday, February 11, 2014

Outside 2: นิทรรศการวิทยาศาสตร์ที่ตึก จามจุรีสแควร์

   HOME   http://aaya34.wix.com/interactivecomputing

         ต้องบอกก่อนว่าความตั้งใจจริงแล้วตั้งใจจะไปดูนิทรรศการ Dialogue in the dark ที่ตึกจามจุรีสแควร์ค่ะแต่เนื่องจากการเดินทางไป รถติดมากทำให้เดินทางไปเข้าชมไม่ทันเพราะ นิทรรศการ Dialogue in the dark นี้จะจัดแสดงที่ ชั้น 4 บนตึกจามจุรีสแควร์ค่ะ เริ่มให้เข้าชมตั้งแต่ เช้าจนถึง 16.30 ค่ะรอบจะมีทุกๆ 15 นาทีค่ะ แต่เนื่องจากเราไปไม่ทันดังนั้นขอยกยอดเป็นครั้งหน้า


         แต่ก็ถือว่าการไปครั้งนี้ไม่เสียเปล่าเพราะเราได้มีโอกาศไปเจออีกนิทรรศการอีกตั้ง 3 นิทรรศการด้วยกันค่ะ มีอะไรบ้างมาชมกันค่ะ

        นิทรรศการเกี่ยวกับสัตว์ดึกดำบรรพ์ ความลับโครงกระดูก

          มีวิธีการนำเสนอที่น่ารักมากๆค่ะ เราก็เลยไปแอบเล่นกันมาเรียบร้อยหละอยู่ในคลิปวิดีโอนะค่ะส่วนตัวชอบมากเพราะว่าแปลก เข้ากับเนื้อหาและน่ารักดีค่ะเป็นการเรียกความสนใจที่ดีมากๆค่ะ

                                        

         นิทรรศการสาหร่าย





           และสุดท้ายคือนิทรรศการ  ที่อยากจะมานำเสนอค่ะคือ นิทรรศการวิทยาศาตร์ เพราะว่ารู้สึกประทับใจเลยอยากจะนำมาแนะนำเพื่อนๆค่ะเพราะไม่ได้หาชมง่ายๆค่ะโดยเฉพาะเด็กสายวิทย์นะค่ะ คิดว่าต้องมีประโยชน์มากๆแน่ๆค่ะ


       พอเดินมาที่จุดเริ่มต้นของนิทรรศการนะค่ะมันจะเป็นฐานการทดลองต่างๆค่ะแต่ละฐานก็จะสอนการทดลองที่ไม่เหมือนกันค่ะ และแต่ละการทดลองน่าสนใจและสนุกมากๆค่ะต้องบอกเลยว่าของเขสดีจริงๆ


                             การทดลองเกี่ยวกับการเหนี่ยวนำของแม่เหล็ก


 การต่อวงจรไฟฟ้าแบบอนุกรมและขนานต่างกันอย่างไร          เชือกทำให้เกิดคลื่นได้

       ภาพที่นำมาให้ชมนะค่ะเป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ้าอยากรู้ว่ามันดียังไงต้องไปชมค่ะ ขอฝากคลิปความสนุกส่วนตนไว้หนึ่งคลิปนะค่ะเพื่อเป็นแรงบรรดาลใจให้ใครหลายๆคนอยากไปตามนะค่ะ